ภาพการฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 8 อย่างยิ่งใหญ่ของ มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสแปนิช
ความสำเร็จระดับโลก ขณะที่ตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจมากขึ้นกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ จากปริมาณผู้เข้าชม 226,655 คน สูงยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา สะท้อนให้มีความเห็นว่า “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ภายใต้ความสามารถคนไทย ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดการบรรลุเป้าหมายในด้านมอเตอร์สปอร์ต
แม้กระนั้นยังบ่งชี้ถึงการนำมา ซึ่งจำนวนเงินเป็นอย่างมากหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของไทย โดยค่าลิขสิทธิ์ของโมโตจีพี นั้นตกอยู่ปีละราว 300 กว่าล้านบาท แม้กระนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับการนำพาประเทศให้ก้าวขึ้นไปเท่าเทียมกับแถวหน้า ก็เลยถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มสุด ๆ
จากการคาดคะเนพื้นฐานของ “กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและก็กีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา การบรรลุเป้าหมายสุดยอด พบว่า จำนวนปริมาณผู้เข้าชมการแข่งขันชิงชัยศึกโมโตจีพี สนามที่ 15ในสนามช้าง ระหว่างชาติ เซอร์กิต จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ รวม 3 วัน ระหว่าง 4-6 ต.ค. 2019
มีปริมาณ 226,655 คน มากขึ้น 4,120 คน จากปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นจำนวนร้อยละ 1.85 เนวิน ติดถูกใจ ประธานที่ปรึกษา สนามช้าง ระหว่างชาติ เซอร์กิต จังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวมาว่า “ในทางของการจัดการแข่งสำหรับผม ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่พิสูจน์ว่า เมืองไทย ชาวไทย ดูบอลสด
สามารถเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งนับว่าเป็นเวิลด์ อีเวนต์ ได้ ส่วนในปีนี้มันไม่ใช่แค่พวกเราทำเป็น แต่ว่าพวกเราทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ“
ความสำเร็จระดับโลก ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ถูกตีแผ่ออกไปสู่สายตาแฟนความเร็วทั่วโลกกว่า 800 ล้านคู่
เป็นการนำเสนอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี ครั้งที่ 2 ความสำเร็จระดับนานาชาติ ในประเทศไทย “ผมมั่นใจว่าแฟนคลับที่มาที่สนามได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความพร้อมที่ต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างมากมาย อีกทั้งในเรื่องเกี่ยวกับการจัดชัตเติล การรับส่งคน
เรื่องเกี่ยวกับการ จัดสแตนด์เชียร์ต่างๆซึ่งสำหรับผมเองวางเป้าเอาไว้ว่าปีถัดไปจะไม่ทำให้มันเป็นเพียงแค่การจัดการชิงชัยโมโตจีพีที่มันเสร็จ แม้กระนั้นผมต้องการจะทำให้มันเป็นโมโตจีพี ที่คนเป็นสุข มันแสดงว่า จะไม่มีสนามไหนที่มีการแข่งที่สุขสบายสำหรับแฟนโมโตจีพี สองพี่น้องยอดนักบิด
ความสำเร็จระดับโลก มากมายพอๆกับที่สนามช้างฯ จังหวัดบุรีรัมย์ ประเทศไทย นั่นเป็นแผนการที่พวกเรากำหนดไว้” ในปี 2019 สัดส่วนของผู้ชมคนต่างประเทศจากทั้งหมดทั้งปวง 41 ประเทศ ที่เดินทางมายังสนามช้างฯ คิดเป็นปริมาณร้อยละ 26.3 หรือพอๆกับ 59,525 คน รวมทั้งมีสัดส่วนคนประเทศไทยคิดเป็น
ปริมาณร้อยละ 73.7 หรือพอๆกับ 167,130 คน ซึ่งสัดส่วนของคนประเทศอื่นนับว่าสูงมากขึ้นจากปริมาณร้อยละ 17.5 ในปี 2561 เป็นปริมาณร้อยละ 26.3 ในปี 2562 และก็มีการขยายตัวขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติปริมาณร้อยละ 52.8 “จำนวนของผู้คนของปีที่ผ่านมากับปีนี้ โตขึ้นราว 4,000-5,000 คน
แต่สิ่งที่ผมดีใจมาก ก็คือจำนวนการท่องเที่ยว แฟนโมโตจีพีต่างชาติโตขึ้นกว่า 50% นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับในการท่องเที่ยว การจ้างงาน รายได้ และก็เศรษฐกิจของเมืองไทย โดยปีที่ผ่านมามีต่างชาติมาราวๆ30,000 คน แม้กระนั้นปีนี้มามากถึง 60,000 คน นี่เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการที่
รัฐบาลเข้ามามีส่วนร่วมสำหรับเพื่อการจัดการแข่งขัน มันส่งผลต่อการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติ และก็ไขปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งรายได้ของประชาชนได้ มั่นใจว่าเหตุนี้จะเป็นสิ่งที่รัฐบาลนำไปประกอบกิจการตกลงใจในการต่อสัญญากับทางดอร์น่า เพื่อนำโมโตจีพีมาแข่งขันที่เมืองไทยต่อไป”
ขณะเดียวกัน นายเนวิน กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของการต่อสัญญา โมโตจีพี กับ ประเทศไทย
ว่า “ผมได้ได้โอกาสสนทนากับซีอีโอ ดอร์น่า สปอร์ต ซึ่งสอบถามเราซ้ำว่า ตกลงหัวข้อการต่อสัญญาจะว่ายังไง ด้วยเหตุว่าในมี.ค.ปีถัดไปจะเป็นปีในที่สุดในข้อตกลง 3 ปี มันเหลืออีกเพียงแค่ 5 เดือนเพียงแค่นั้น ช่วงนี้มีสนามต่างๆในทั่วทั้งโลกแสดงความจำนงที่จะขอจัด ข่าวโมโตจีพีวันนี้
โมโตจีพี25สนาม เขาก็เลยบีบคั้น และก็ต้องการให้พวกเรามีคำตอบให้เร็วที่สุดว่าจะตกลงต่อสัญญาหรือเปล่า ผมก็ได้ชวนทางกระทรวงท่องเที่ยวรวมทั้งกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มานั่งคุยกับซีอีโอของดอร์น่า เพื่อเสวนาในเรื่องดังที่กล่าวมาแล้ว”
ความสำเร็จระดับโลก ยิ่งไปกว่านี้ นายเนวิน ยังพูดถึงการประลองโมโตจีพี ในปีต่อไปของประเทศไทย ซึ่งจะถูกโยกมาเป็นสนามที่ 2 ของปี ในช่วงปลายมี.ค. ซึ่งนับว่าเป็นตอนที่มีอากาศร้อนที่สุดของเมืองไทยว่า “ในปีถัดไปพวกเรากำลังคิดกันอยู่ว่าบางทีอาจแปรไปจัดแจงแข่งช่วงเวลากลางคืน หรือ ไนท์เรซ
ความสำเร็จระดับโลก พวกเราจำต้องประเมินกันก่อนแต่ว่าพวกเรานึกถึงประเด็นนั้นอยู่แล้ว ผู้ชมจะได้ประโยชน์อย่างแน่แท้เพราะเหตุว่าการจัดไนท์เรซมันมีผลในด้านดีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่เย็นสบาย ไม่ต้องทนแดดร้อน อาจเริ่มต้นควอลิฟายตั้งแต่ 5 นาฬิกาเย็น ซึ่งในเรื่องของเวลาไม่ใช่ปัญหา
มันเป็นไอเดียที่ดีเยี่ยมๆเนื่องจากไนท์เรซจะมีผลให้ยอดผู้ชม หรือทิวทัศน์เวอร์ สูงมากขึ้นกว่าธรรมดาแน่ๆ ด้วยเหตุว่าฝั่งยุโรปเขาตรงเวลาช่วงกลางวันพอดิบพอดี ขณะนี้ที่พวกเราจัดอยู่ทางฝั่งยุโรปมันเพิ่งจะตรงเวลายามเช้า บางครั้งอาจจะยังไม่ตื่นกัน แม้กระนั้นหากเป็นไนท์เรซจะตรงเวลา
ที่เหมาะสมมากๆในต่างถิ่น มันจะได้ราคาสำหรับเพื่อการประชาสัมพันธ์ประเทศเยอะขึ้นเรื่อยๆมากยิ่งกว่าเรซธรรมดา ซึ่งจุดนี้จะต้องขอไปดูจำนวนอะไรต่างๆก่อน รวมทั้งหากเพียงพอไหวก็จะอุตสาหะช่วยๆกันให้มันเกิดขึ้นให้ได้”
