แม็คลาเรนต่อสัญญา แม็คลาเรน กลุ่มในศึกฟอร์มูล่า วัน สัญชาติอังกฤษ ประกาศต่อสัญญา แลนโด้ นอร์ริส นักขับชาวอังกฤษออกไปอีก 3 ปี
แม็คลาเรนต่อสัญญา ซึ่งจะนำมาซึ่งการทำให้เขาลงขับให้กับกลุ่มยาวถึงปลายปี 2025 พร้อมล่าแชมป์โลก กับ แดเนียล ริคคิอาร์โด นักขับรุ่นพี่ชาวออสซี่ให้ได้ในอนาคต
เว็บทางการของ ฟอร์มูล่า วัน ออกมาเปิดเผยว่า แม็คลาเรน ประกาศสำหรับการแข่งโมนาโก กรังด์ปรีซ์ เมื่อปีที่ล่วงเลยไป ว่าจะเลือกอ็อพชั่นสำหรับในการต่อสัญญากับ นอร์ริส ตรงเวลาหลายปี และก็เพื่อส่งสัญญาณที่ความเชื่อมั่นและมั่นใจที่จะก้าวไปร่วมกัน กลุ่มได้ประกาศขยายข้อตกลงให้นักขับคนอังกฤษออกไปถึง 4 ปี โดยจะเริ่มในปี 2022 https://manatwork.info/
ความเกี่ยวเนื่องของ แม็คลาเรน และก็ นอร์ริส เริ่มในปี 2017 ในขณะเขาแก่เพียงแค่ 17 ปี แต่สร้างความซาบซึ้งให้กับกลุ่มเป็นอย่างมากสำหรับการทดลองรถแข่ง MCL32 ในประเทศฮังการี
โดยเขาเริ่มเป็นนักขับสำรองให้ แม็คลาเรน ในปี 2017 และก็ 2018 ก่อนที่จะเซ็นสัญญาให้เป็นนักขับตัวหลักของกลุ่มในปี 2019 ด้วยการจบในชั้น 11 บนตารางคะแนนนักขับ ก่อนที่จะขยับผลงานขึ้นมารั้งชั้น 9 ของเอฟวันปี 2022 พ่วงด้วยการขึ้นโพเดียมหนแรกในศึกอิตาเลียน กรังก์ปรีซ์
ผลงานในปี 2021 ของแลนโด้ นอร์ริส จบฤดูด้วยชั้น 6 ในตารางชั้นคะแนนจำพวกนักขับ กับขึ้นโพเดียมได้ถึง 4 ครั้ง คว้าตำแหน่งโพล โพสิชั่นมาครอบครองได้อีก 1 สนาม
อันเดรียส ไซเดิล กลุ่มบอสแม็คลาเรน เอฟวัน พูดว่า “การต่อสัญญากับ นอร์ริส ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเพียงแต่กติกาด้วยกัน แม้กระนั้นพวกเราเชื่อถือในความสามารถพิเศษของเขา นอกเหนือจากนี้มันยังเป็นการเซ็นสัญญาในด้วยความไว้วางใจต่อกัน แล้วก็การให้คำปฏิญาณจาก แลนโด้ สำหรับในการร่วมการล่าแชมป์โลก”
ช่วงเวลาที่ แลนโด้ นอร์ริส พูดว่า “กลุ่มสำหรับผมมันเป็นเรื่องราวของคนเรา รวมทั้งผมก็รักทุกคนรวมทั้งมีความรู้สึกว่า แม็คลาเรน ราวกับบ้านอีกข้างหลัง ปีที่ล่วงเลยไปพวกเรามีการเติบโตที่ดี
แล้วก็ผมก็เป็นส่วนใดส่วนหนึ่งสำหรับการเดินทางนี้ ผมเติบโตขึ้นอย่างยิ่งด้านในกลุ่มนี้ ผมคำสัญญากับกลุ่มว่าจะขยับผลงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อล่าความมีชัยและก็สร้างช่องทางลุ้นแชมป์โลกในอนาคต”
แลนโด้ นอร์ริส นักขับเอฟวันชาวสหราชอาณาจักรของ แม็คลาเรน มั่นใจว่ากลุ่มม้าคะนอง เฟอร์รารี่ พร้อมที่จะกลับมาผงาดอีกรอบในปี 2022 ถึงแม้ว่าจะมิได้มีช่วงเวลาดีๆเท่าไรนักในตอน 2-3 ฤดูปัจจุบัน
ภายหลังที่เฟอร์รารี่แพ้การประลองเลยตั้งแต่แมื่อปี 2019 รวมทั้งใช้เวลาส่วนมากในปี 2021 ไปกับการปรับแต่งเครื่องจักรกล (Power Unit) แล้วก็การผลิตรถแข่งแบบใหม่ปี 2022 แต่ว่าท้ายที่สุดยอดกลุ่มจากอิตาลีก็ยังเข้าป้ายในชั้นที่ 3 ของคะแนนรวมชิงชนะเลิศโลกจำพวกกลุ่มผู้สร้าง ทำให้ แลนโด นอร์ริส คาดหวังว่าเฟอร์รารี่จะกลับมาเป็นคู่ปรปักษ์ที่น่าขนลุกอีกรอบในปีถัดไป
แลนโด นอร์ริส พูดว่า “ความก้าวหน้าที่พวกเขาทำในช่วงท้ายของฤดู 2021 มิได้ไปเน้นเกี่ยวโยงกับตัวรถยนต์เลย มันคือเรื่องของหน่วยพลังของพวกเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมไม่คิดว่าพวกเขามีรถยนต์ที่แย่มากมายอะไร แม้กระทั้งในตอนไม่กี่ปีให้หลัง ผมมีความรู้สึกว่าพวกเขาขาดเพียงแค่คุณภาพของ พาวเวอร์ยูนิต (Power Unit) เพียงเท่านั้น ข่าวมวย
เมื่อ พาวเวอร์ยูนิต (Power Unit) มีความพร้อมเพรียงที่ดี พวกเขาก็จะสามารถกลับมาคว้าแชมป์สำหรับการแข่งได้ แล้วก็ผมก็คาดว่าพวกเขาจะมีความเข้าใจสำหรับในการแข่งที่สูงขึ้นอย่างแน่แท้ในปี 2022 มันแจ้งชัดที่ปีนี้พวกเขาพูดว่ามิได้ปรับปรุงรถยนต์รุ่นตอนนี้มากเท่าไรนัก รวมทั้งทุกคนก็จุดโฟกัสไปที่ฤดูหน้า
พวกเราทุกคนจำเป็นต้องไม่ลืมเลือนว่าพวกเขาเป็น เฟอร์รารี่ นี่เป็นกลุ่มที่บรรลุเป้าหมายเยอะที่สุดในแวดวงฟอร์มูล่า วัน ด้วยเหตุผลบางประการผมมั่นอกมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า พวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อชัยแล้วก็ตำแหน่งโพเดียมในช่วงฤดูกาลหน้าได้แน่ แล้วถ้าหากว่ากลุ่มแม็คลาเรนของพวกเรามีส่วนร่วมด้วยก็จะดีเลิศๆในวันหลัง กาตาร์โมโตจีพี
ก่อนจะกระทำควอลิฟายมีฝนตกลงมาอย่างมากทำให้จะต้องยกเลิกในรอบฝึกหัดรอบที่ 3 ออกไป โดยสำหรับเพื่อการแข่งขันในรอบจัดชั้นนั้นเป็นไปด้วยความสนุกสนานใกล้เคียง ท่ามกลางแฟนคลับมอเตอร์สปอร์ตที่เข้ามาดู
ผลที่ได้รับจากการแข่งขันปรากฏว่าแลนโด้ นอร์ริส นักขับคนอังกฤษของกลุ่มแม็คลาเรนมาเร่งเครื่องใน 2 เซกเตอร์ท้ายที่สุด แล้วก็ทำเวลาได้ดิบได้ดีสุดในรอบนี้ด้วยเวลา 1 นาที 41.993 วินาที เป็นการคว้าตำแหน่งโพล โพสิชั่นครั้งแรกในชีวิตของเจ้าตัวอีกด้วย
ตามมาด้วยชั้น 2 คาร์ลอส ไซนน์ นักขับชาวประเทศสเปนของเฟอร์รารี่ ทำเวลาเข้ามา 1 นาที 42.510 วินาที แล้วก็ชั้น 3 เป็น จอร์จ รัสเซลล์ ที่เร่งเครื่องทำเวลาในตอนโค้งสุดท้ายได้เหมือนกันด้วยเวลา 1 นาที 42.510 วินาที เชือดชนะ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 ยุคผู้ดีอังกฤษไป 2.057 วินาที นับเป็นการคว้าตำแหน่ง Pole Postion ของแม็คลาเรนภายหลังที่ได้โพลครั้งปัจจุบันเมื่อปี 2012 ที่บราซิล
