คอนเฟิร์มปรับ ลูอิส แฮมิลตัน นักขับอังกฤษได้รับการรับรองว่าจะโดนโทษปรับกริดสตาร์ท 10 ชั้น
คอนเฟิร์มปรับ ข้างหลัง เมอร์เซเดส รับรองแปลงหน่วยเครื่องจักร “เล็กน้อย” (ICE) สำหรับการชิงชัย เตอร์กิช กรังด์ปรีซ์ วันอาทิตย์นี้ เมอร์เซเดส ทำประเมินว่าจะเสี่ยงให้ แฮมิลตัน ใช้เครื่องจักรกลเดิมไปนถึงสิ้นฤดูเลยหรือเปล่า?
แต่ทว่า แฮมิลตัน มีความไม่สบายใจอย่างยิ่งว่าอาจส่งผลให้เขาไม่จบการประลอง ด้วยเหตุว่าความเสื่อมโทรมของเครื่องจักรกลที่อจเกิดขึ้นได้ โดยแชมป์โลกคนประเทศอังกฤษได้เรียกร้องให้กลุ่มใส่เครื่องยนต์การเผาผลาญข้างใน (ICE) ใหม่สำหรับสุดสัปดาห์นี้
ดังนี้ ถ้าเกิดกลุ่มตกลงใจเปลี่ยนแปลงหน่วยพลังงาน หรือ เพาเวอร์ ยูนิต ใหม่ทั้งสิ้นจะมีผลให้ แฮมิลตัน โดนปรับลงไปออกสตาร์ทจากกริดในที่สุด https://manatwork.info/
โดยการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เครื่องยนต์กลไกการเผาผลาญข้างใน (ICE) ใหม่แค่นั้น แสดงว่าเขาจะโดนลงอาญาปรับ 10 กริดสตาร์ท ในการแปลงใช้องค์ประกอบของ เพาเวอร์ยูนิต เพียงแค่รายการเดียว
เวลาเดียวกัน คาร์ลอส ซายน์ซ นักขับสแปนิชจาก เฟอร์รารี่ จะเป็นอีกผู้ที่ถูกลงโทษกริดสตาร์ทจากการเปลี่ยน เพาเวอร์ ยูนิต โดยเข้าจึงควรออกสตาร์ทจากกริดในที่สุดในวันอาทิตย์นี้
“วันนี้เป็นเรื่องจำเป็นมากมายที่เด็กๆจะได้มองเห็น รวมทั้งอย่าฟังผู้ที่กล่าวว่าคุณประพฤติตามที่คุณฝันมิได้ ฝันเปลี่ยนเป็นจริงได้ คุณจำต้องพร้อมไล่ล่ามัน และก็อย่ายอม”
นี่เป็นสิ่งที่ ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน คนอังกฤษ กล่าวภายหลังที่เขาสามารถทำสถิติแชมป์โลกได้เป็นยุคที่ 7 สำหรับในการแข่งขันที่ประเทศตุรกี … เขาเอ๋ยถึงเรื่อง “เด็กๆ” แล้วก็ “จังหวะ” มากยิ่งกว่าเรื่องไหน เนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งที่เขาจำฝังใจตลอดมา
นี่เป็นเรื่องราวในวันที่ชายหนุ่มจากครอบครัวชนชั้นแรงงานแล้วก็บิดามารดาแยกทางกันกระโดดไปสู่กีฬาของคนมั่งคั่งอย่าง F1 ก่อนที่จะเขาใกล้แปลงเป็นผู้มีอิทธิพลนิรันดรในในตอนนั้น ข่าวมวย
ว่ากันว่ารถแข่ง 1 คันนั้นแพงถึง 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ราว 220 ล้านบาท) แล้วก็กว่าที่จะเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ 1 คันได้ จะต้องใช้วิศวกรฝีมือเยี่ยมด้วยค่าตอบแทนรายเดือนระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ราว 3 ล้านบาท) ต่อปีต่อคน
กลุ่ม F1 แต่ละกลุ่มลงทุนปรับปรุงรถยนต์ของพวกเขาด้วยงบประมาณเป็นหมื่นล้านบาทในแต่ละปี รวมทั้งแน่ๆว่าถ้าใครบางคนจะได้ก้าวขึ้นมานั่งข้างหลังพวงดอกไม้รถแข่งพวกนี้ได้ พวกเขาควรเป็นผู้ที่มีความพร้อมเพรียงถึงระดับสูงสุด ทั้งยังเรื่องความสามารถและก็ประสบการณ์ด้วย มาร์เกซเซอร์ไพรส์
การจะไปถึงจุดที่เรียกว่านักแข่งขันได้จำเป็นต้องอาศัยเงินทุนอย่างแน่นอน วัสดุอุปกรณ์แต่ละอย่างสำหรับเพื่อการลงฝึกรวมทั้งการแข่งขันชิงชัยแต่ละครั้งนั้นจำเป็นต้องใช้ของดีราคาแพงทั้งมวล
ต่างจากบอลที่มีเพียงแต่รองเท้าและก็ลูกฟุตบอลก็สามารถลงฝึกได้แล้ว ด้วยเหตุนั้นพวกเราก็เลยสามารถเจาะจงได้ว่า F1 นับว่าเป็นกีฬาของคนมั่งมีที่คนรากต้นหญ้าหรือชนชั้นแรงงานยากจะเข้าถึงได้ ซึ่งข้อกำหนดนี้ใช้ไม่ได้กับ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก F1 ถึง 7 ยุคยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอกันตำนานอย่าง มิคาเอล ยกมัคเกอร์
แฮมิลตัน เข้ามาในจุดนี้ได้เช่นไร ? … นี่เป็นปัญหาที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยสงสัย เนื่องจากจากเรื่องราวแล้วเบื้องต้นครอบครัวของเขามิได้มั่งมีอะไร บิดาของเขา แอนโธนี่ แฮมิลตัน เป็นคนประเทศอังกฤษผิวดำ
รวมทั้ง คาร์เมน ลาร์บาเลสเทียร์ แม่เกิดขึ้นเกล้าผิวขาว เลิกรากันไปตั้งแต่ที่ ลูอิส อายุเพียงแค่ 2 ขวบแค่นั้น ก่อนที่จะบิดาของเขาจะตกลงใจทำเพื่ออนาคตของลูก ด้วยการตัดสินใจให้ ลูอิส มีแม่เป็นผู้ดูแลในตอนวัยเด็ก
แต่ เขาไม่เคยหยุดแสดงความรักลูกชาย แอนโธนี่ มิได้หวังให้ ลูอิส แปลงเป็นนักแข่งขันระดับนานาชาติอะไรนักในตอนแรก เขาเพียงแค่ตกลงใจจับจ่ายซื้อของขวัญเป็นรถยนต์บังคับให้ ลูอิส
ในวันเกิดตามประสา ของเด็กเล่นเพศชาย ทั่วๆไปแค่นั้น แต่ทว่าโน่นเป็น จุดกำเนิดทั้งปวง ของหัวข้อนี้ที่ทำให้ ลูอิส แฮมิลตัน ตกลงใจ โจนไปสู่ทางที่น้อยครั้ง จะเปิดรับคนยากจน
แล้วก็คนดำอย่างเขา … เพราะว่า ลูอิส ในวัย 5 ขวบพบว่า ตนเองนั้นคลั่งไคล้ ในความเร็ว ของรถแข่ง เข้าอย่างจัง และก็การต้องการ จะเป็นนักแข่งขัน ก็ตรงประเด็น ประกายต่อ จากนั้นเป็นต้นมา
แอนโธนี่ เริ่มขยับ ของขวัญ ให้ชิ้นใหญ่ ขึ้นเรื่อยจาก รถบังคับวิทยุ กลายเป็นรถยนต์โกคาร์ท ที่ขับรถได้จริง และก็เขาใช้เวลาพาลูก ไปที่สนามโกคาร์ททุกๆวัน หยุดสุดสัปดาห์
จากนั้น ลูอิส ก็รักมันจำพวก ที่ไม่คิดจะฝัน ถึงอันอื่น บางครั้งก็อาจจะเป็นเพราะว่า การได้ขับขี่ รถโกคาร์ททำให้เขาได้มีเวลากับบิดาด้วย แล้วก็ช่วงเวลา ที่ดีพวกนั้น กลั่นออกมาให้ 2 บิดาลูกเริ่มกล่าวถึง การเป็นนักแข่งขัน F1 อย่างเอาจริงเอาจัง
การมีเป้าหมาย และไม่ลงมือ กระทำนั้น ไม่เคยมี ในพจนานุกรม ของผู้ที่ไปถึงเป้าหมาย และก็ในเวลาเดียวกันการเที่ยวหาเหตุผล เข้าข้างตัวเอง ที่จะไม่ลงมือกระทำ มันง่ายดายยิ่งกว่าเยอะแยะ โน่นก็เลยทำให้โลกใบนี้มีคนล้มเหลวมากยิ่งกว่าผู้ที่เป็นผู้ชนะ